ทรงรักษาแผ่นดินเป็นเลิศ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปกครองประเทศ รักษาราชอาณาจักรมาโดยตลอดปลอดภัย สร้างความเจริญรุ่งเรืองเป็นอเนกประการ พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ผู้ทรงพระนิพนธ์ เรื่อง “สามกรุง” สรุปเหตุการณ์ในรัชสมัยนี้ว่า “สมเด็จพระนั่งเกล้า ครองราชย์ปราศสิ่งเศร้า จวบสิ้นวาระ พระเอยฯ ภายในไทยสงบถ้วน พระประศาสน์ราชกิจล้วน เหมาะแท้แก่สมัย ท่านนาฯ หลายสิ่งทรงสฤกษดิ์ไว้ เครื่องระลึกถึงไท้ ที่สร้างอนุสรณ์ฯ” พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับสิริราชสมบัติโดยมติของที่ประชุมอันน่าจะเรียกได้ว่าเป็นมหาสมาคมของกาลนั้น ดังนั้นพระองค์จึงมิได้ทรงมีพระบรมราชโองการมอบหมายราชสมบัติแก่ท่านพระองค์ใด เมื่อทรงพระประชวรหนักใกล้ถึงกาลเสด็จสู่สวรรคต อีกทั้งไม่ทรงตั้งมเหสีเทวีใดเป็นเจ้า เพราะจะทำให้พระราชโอรสพระราชธิดาทรงศักดิ์เป็นเจ้าฟ้า อันจะทำให้เกิดความยุ่งยากต่อการเลือกดำรงสิริราชสมบัติในภายหน้า ทรงตัดการแข่งขันทุกประการ ในมหาสาขาของพระองค์ เปิดโอกาสให้ผู้ทรงพระปรีชาขึ้นครองราชย์ โดยไม่มีผู้กีดขวาง อันอาจเป็นเหตุให้เกิดความยุ่งยากในแผ่นดิน พระราชดำริเกี่ยวกับผู้สืบราชสมบัติที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารแสดงถึงความห่วงใยต่อประเทศชาติและความสงบสุขของราษฎรเหนือสิ่งอื่นใด ทรงเห็นว่า ถ้าพระองค์มอบราชสมบัติแก่ผู้ใดตามพระราชดำริของพระองค์แต่เพียงผู้เดียวแล้ว หากไม่เป็นที่ชอบใจประชาชนและบรรดาข้าราชการแล้วก็จะเกิดการแตกสามัคคีขึ้นได้ เพราะในทุกยุคทุกสมัย ประเทศชาติต้องการความสามัคคีของคนในชาติ ได้ทรงมีจดหมายกระแสพระโองการตอนหนึ่งว่า “ทรงพระกรุณาดำรัสให้จดหมายกระแสพระราชโองการปฏิญาณยกพระนามพระรัตนตรัยสรณคมน์ อันอุดมเป็นปณิธานพยานอันยิ่งให้เห็นจริงในพระราชหฤทัยแล้ว ทรงพระราชดำรัสยอมอนุญาตให้เจ้าพระยาคลังซึ่งว่าที่สมุหพระกลาโหมพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา พระยาราชสุภาวดีสมุหนายกกับขุนนางผู้น้อยทั้งปวง จงมีความสโมสรสามัคคีปรึกษาพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดที่มีวัยวุฒิปรีชารอบรู้ราชานุวัตรเป็นศาสนูปถัมภกยกพระบวรพุทธศาสนา และปกป้องไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎรรักษาแผ่นดินให้เป็นสุขสวัสดิ์โดยยิ่งเป็นยินดีแก่มหาชนทั้งปวงได้ ก็สุดแต่จะเห็นดีประนีประนอมพร้อมใจกัน ยกพระบรมวงศ์องค์นั้นขึ้นเสวยมไหศวรรยธิปัตย์ถวัลยราชสืบสันตติวงศ์ดำรงราชประเพณีต่อไปเถิด อย่าได้กริ่งเกรงพระราชอัธยาศัยเลย เอาแต่ให้ได้เป็นสุขทั่วหน้า อย่าให้เกิดการรบราฆ่าฟันให้ได้ความทุกข์ร้อนแก่ราษฎร” โดยปกติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับที่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานองค์ตะวันออก ครั้งเมื่อทรงพระประชวรหนัก ทรงพระราชปรารภว่าถ้าสวรรคตลง ณ ที่นั้น พระเจ้าแผ่นดินองค์ต่อๆ ไป อาจรังเกียจจึงโปรดให้เชิญพระองค์ออกไปบรรทมรอวันเสด็จสวรรคตทางองค์ตะวันตก ซึ่งจะไม่เป็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดพิธีรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์องค์ต่อไป พระองค์เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานองค์ตะวันตก เมื่อวันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394 สิริรวมพระชนมพรรษา 63 พรรษา 11 วัน สถิตในสิริราชสมบัติ 25 ปี 7 เดือน 23 วัน แม้ว่าพระองค์จะเสด็จสวรรคตไปแล้วนานเพียงใด พระราชกรณียกิจที่ทรงประกอบเพื่อชาติไทย ย่อมจารึกอยู่คู่ชาติตลอดไป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทำนุบำรุงสยามรัฐสีมาอาณาจักรให้มั่นคง และเจริญรุ่งเรืองหลายด้าน แต่ก็ทรงเป็นพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ทรงอาภัพมากพระองค์หนึ่ง ได้ทรงถูกกล่าวหาว่าทรงแย่งราชสมบัติอันควรจะเป็นของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ามงกุฎ ถูกปกปิดผลงานที่ทรงกระทำไว้ไม่ให้เป็นที่ทราบกันตามข้อเท็จจริง บรรดาสรรพสิ่งอันได้ทรงสร้างไว้ในพระบวรพุทธศาสนา เพื่อเทิดพระพุทธศาสนาไว้เป็นหลักชัยของบ้านเมือง เป็นธงชัยและเป็นประทีปนำทางให้อาณาประชาชนของชาติไทยได้ยึดไว้เป็นแสงสว่าง ดำรงชีวิตอยู่ในศีลในธรรมเจริญรุ่งเรือง และสันติสุข บรรดาสรรพปูชนียสถานที่ทรงสร้างไว้เป็นเครื่องเชิดชูพระพุทธศาสนานั้น ในปัจจุบันได้เป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาแก่บ้านเมืองอย่างยิ่ง และคนในปัจจุบันก็ได้อาศัยพระราชมรดกประเภทปูชนียสถานอันวิจิตรมั่นคงที่ทรงสร้างไว้เป็นพระพุทธานุศาสนีย์เทิดทูนพระบวรพุทธศาสนา เป็นสิ่งเชิญชวนให้ชาวต่างประเทศเข้ามาเยือน เป็นทางหารายได้บำรุงประเทศในปัจจุบัน ดังที่ทราบกันอยู่ทุกคนแล้ว |