
![]() |
ด้านเศรษฐกิจ ทรงเชี่ยวชาญทั้งด้านเศรษฐกิจและการคลังเป็นอย่างมาก เคยทรงกำกับราชการกรมพระคลังและกรมท่า (การต่างประเทศ) มาก่อนเสด็จเสวยราชย์ ครั้งตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 ฐานะของประเทศไทยได้รับความกระทบกระเทือนจากสงครามด้วยถูกข้าศึกขนเงินทองและทรัพย์สินไปมาก พระราชทรัพย์ที่จะจับจ่ายใช้ในราชการแผ่นดินไม่พอใช้จ่าย พระองค์ได้ทรงแต่งสำเภาไปค้าขายยังประเทศจีน ได้กำไรมาใช้จ่ายในราชการแผ่นดิน ยังประโยชน์ในด้านการบำรุงพระศาสนาและศิลปะวิทยาการ
ลักษณะเรือสำเภา ครั้นถึงรัชสมัยของพระองค์เศรษฐกิจเริ่มมั่นคงขึ้น ทรงยึดหลักประหยัดและเพิ่มพูนรายได้ แก้ไขวิธีเก็บอากรแบบเดิมบางประการ ตั้งภาษีอากรใหม่ถึง 38 ชนิด ทรงจัดตั้งระบบเจ้าภาษีนายอากร ทำให้รายได้แผ่นดินสูงมาก บางปีสูงถึง 25 ล้านบาท กล่าวว่าแม้จะทรงทำสงครามป้องกันประเทศยาวนานถึง 14 ปี ก็มิได้ทำให้เศรษฐกิจของประเทศกระทบกระเทือน โปรดให้รวบรวมพระราชทรัพย์ไว้ใช้ในราชการแผ่นดิน เมื่อจำเป็น เรียกว่า “เงินถุงแดง” เงินนี้ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้นำไปเสียค่าปฏิกรณ์สงคราม ในวิกฤตการณ์ ใน ร.ศ. 112
พลเอก จรัล กุลละวณิชย์ และ สายไหม จบกลศึก เรียบเรียง |